วันแห่งความรัก วาเลนไทน์ (Valentine’s Day)
วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day)
มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ซึ่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่ง เป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน
ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดา แห่งอิสตรีและการแต่งงาน
และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์
ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของเด็กหนุ่มและเด็กสาว ต่อมาใน
รัชสมัยจักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม
ที่มีกษัตริย์ ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การทำสงครามนองเลือด
และทรงห้ามการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด
โดยขณะนั้นมีนักบุญรูปหนึ่งชื่อว่า
“เซนต์วาเลนไทน์” หรือ “วาเลนตินัส” ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโรม ได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ
ชาวคริสต์หลายคู่ด้วยความปรารถนาดีของท่านนี้เอง
จึงทำให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิตโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตเซนต์วาเลนไทน์
ได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อว่า “จูเลีย”
ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง
ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกประหารชีวิตนั้น
เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย อันเป็นที่รัก โดยลงท้ายว่า “From
Your Valentine”
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 (วันวาเลนไทน์)
หรือ พ.ศ.813 ราว 1,738 ปี หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่
โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม ซึ่ง จูเลีย ได้ปลูกต้นอามันต์
หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของเซนต์วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส
แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพู
ได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม
และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลน
ไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร
ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค
จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่า ในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ
ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส
ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์
เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง
คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจใน วันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น